เราขอแนะนำ สมุนไพรไทยบีเฮิร์บ
ตราคำไพลิน เหมาะกับผู้ที่อยากดูแลโรคเก๊าท์
อาการเก๊าท์
ผู้ป่วยจะมีอาการปวด บวม แดง บริเวณข้อเฉียบพลัน และมีข้อแข็ง โดยทั่วไปมักเกิดกับข้อเพียงข้อเดียว ในบางครั้งอาจจะกับหลายข้อพร้อมๆกันได้ ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณนิ้วหัวแม่เท้า ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาการโรคเก๊าท์จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นอันตรายต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่ออื่นๆ
โรคเก๊าท์..ขอแนะนำ "ตราคำไพลิน"
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
สายด่วน โทร : 02-114-7654
คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?
- ปวดนิ้วมือ
- ปวดข้อมือ
- ปวดข้อศอก
- ปวดหัวเข่า
- ปวดข้อเท้า
- ปวดนิ้วเท้า
สอบถามสินค้า...
เกี่ยวกับดูแลโรคเก๊าท์
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
อาการของโรคเก๊าท์ ปวดข้อเท้า ปวดข้อเข่า เสี่ยงนิ่ว นิ่วในไต ลุกลามไปจนถึง "ไตเสื่อม" ในที่สุด โรคเก๊าท์ เกิดจากกรดยูริกในร่างกายสูง กรดยูริกจะถูกขับออกจากร่างกาย โดยทางเหงื่อ อุจจาระ และทางปัสสาวะ "โดยทางปัสสาวะจะถูกขับผ่านไต" ถ้าไตไม่สามารถขับกรดยูริกออกได้หมด ก็จะตกพรึกอยู่ตามข้อ จึงเกิดอาการปวด บวม แดง ข้ออักเสบเรื้อรัง และส่งผลเสียต่อไต ทำให้ไตเสื่อมได้
โรคเก๊าท์เป็นโรคข้ออักเสบ ที่เกิดจากภาวะที่ร่างกายมีกรดยูริกสูงมากในเลือด สะสมมาเป็นระยะเวลานาน จนกรดยูริกนั้นตกตระกอนอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย อาจใช้เวลานานถึง 10 ปี กว่าจะแสดงอาการข้ออักเสบ ปวดแดงร้อนที่ข้อ ถ้ากรดยูริกสะสมตามผิวหนังจะทำให้มีปุ่มนูนขึ้นตามผิวหนัง แต่ถ้ากรดยูริกไปตกตะกอนที่ไตจะทำให้เกิดนิ่วในไตและไตเสื่อมได้ในที่สุด
ดูแลเก๊าท์...
ดูแลไต.. ลดกรดยูริก แก้ที่ต้นเหตุ
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
กรดยูริก คืออะไร? กรดยูริก เกิดจากร่างกายสร้างขึ้นเอง ประมาณ 80 % และอีก 20 % ที่เหลือเกิดจากการที่เรารับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูงมากจนเกินไป ซึ่งสารพิวรีนจะพบในสัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ พืชผักบางชนิด และอาหารทะเลบางอย่าง โดยปกติร่างกายสามารถขับกรดยูริกออกทางปัสสาวะได้ แต่บางคนร่างกายไม่สามารถขับกรดยูริกออกได้หมด ทำให้มีกรดยูริกสะสมอยู่ตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อและกระดูก ผนังหลอดเลือดและไต ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการเกิดโรคเก๊าท์
ระดับกรดยูริคในเลือดควรเป็นเท่าไหร่ : ผู้ชาย ควรมีกรดยูริคในเลือดน้อยกว่า 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และ ผู้หญิง ควรมีกรดยูริคในเลือดน้อยกว่า 6 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เพราะเหตุที่ทำให้กรดยูริคจึงสูง สาเหตุที่กรดยูริคสูงขึ้นนั้น อาจเป็นผลมาจาก ไตไม่สามารถขับกรดยูริคได้ตามปกติ โดยอาจเป็นปัจจัยทางพันธุกรรม ไตเสื่อมหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนสูง โดยพิวรีนถูกเผาผลาญให้กลายเป็นกรดยูริคในเลือด มีโรคหรือภาวะที่ผิดปกติของร่างกาย ทำให้เกิดการสลายตัวของเซลล์และอวัยวะที่ผิดปกติ
อาการของโรคเก๊าท์ ในระยะแรกจะมีอาการปวดแดงร้อนเฉียบพลัน 24 ชั่วโมงแรกจะปวดมากที่สุด จะไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า อยู่ดีๆก็ปวดขึ้นมาเลย โดยเฉพาะที่นิ้วโป้งเท้าและตรงข้อเท้า เข่า หลังจาก 24 ชั่วโมงผ่านไปอาการจะเริ่มดีขึ้น และจะหายสนิทภายใน 5-7 วัน ในระยะแรกจะมีอาการอักเสบแค่บริเวณเดียว หากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องจะทำให้โรคค่อยๆ ลามไปจุดอื่นทั่วร่างกาย มีอาการจะปวด บวม นานขึ้น และรุนแรงขึ้น
ปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคเก๊าท์ ผู้ที่มีกรดยูริกสูงเป็นระยะเวลานานโดยไม่รู้ตัว หรือมีกรรมพันธุ์เป็นโรคนี้ บวกกับมีพฤติกรรมชอบกินอาหารที่มีสารพิวรีนสูงเป็นประจำ ซึ่งสารพิวรีนเป็นสารตั้งต้นที่ก่อให้เกิดกรดยูริก โดยเฉพาะแอลกอฮอล์ เป็นตัวสำคัญที่ทำให้ระดับกรดยูริกในเลือดสูงขึ้น คนที่เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกินมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ได้
สอบถามข้อมูล "ยาตราคำไพลิน"
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
สายด่วน โทร : 02-114-7654
โรคเก๊าท์เป็นได้ทุกวัย โรคเก๊าท์สามารถพบได้ตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายอายุ 30-40 ปี ขึ้นไป เพราะโรคเก๊าท์จะต้องใช้เวลาในการสะสมกรดยูริกนานเป็น 10 ปีกว่าจะแสดงอาการ และสาเหตุที่ผู้ชายเป็นโรคเก๊าท์มากกว่าผู้หญิงถึง 10 เท่า เพราะผู้ชายดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าผู้หญิง
ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่เป็นโรคเก๊าท์ จนกว่าประจำเดือนจะหมด สำหรับผู้หญิงจะต่างกับผู้ชาย ผู้หญิงจะเป็นโรคเก๊าท์ในวัยหมดประจำเดือนไปแล้ว เพราะช่วงที่มีประจำเดือนอยู่นั้นจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะช่วยขับกรดยูริกออกจากร่างกาย ดังนั้นผู้หญิงก่อนวัยหมดประจำเดือนจะไม่เป็นโรคเก๊าท์ แต่พอหลังประจำเดือนหมดไปประมาณ 5-10 ปี ก็จะเริ่มมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้
อาการที่แสดงเป็นสำคัญ มีอาการปวดข้อรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นฉับพลันทันที ถ้าเป็นการปวดครั้งแรกมักจะเป็นเพียงข้อเดียว ข้อที่พบมาก ได้แก่ นิ้วหัวแม่เท้า ส่วนข้อเท้า ข้อเข่า ก็อาจพบในผู้ป่วยบางราย ข้อจะบวมและเจ็บมากจนเดินไม่ไหว ผิวหนังในบริเวณนั้นจะตึง ร้อนและแดง และจะพบลักษณะจำเพาะ ขณะที่เดินอาการเริ่มทุเลา ผิวหนังบริเวณนั้นจะลอกและคัน ผู้ป่วยมักเริ่มมีอาการปวดตอนกลางคืน และมักจะเป็นหลังดื่มแอลกอฮอลล์ ทำให้ไตขับกรดยูริกได้น้อยลง หรือ หลังกินเลี้ยง มื้ออาหารที่กินมากกว่าปกติ หรือ เดินสะดุด บางครั้งอาจมีอาการขณะมีภาวะความเครียดทางจิตใจ เป็นโรคติดเชื้อ หรือ ได้รับการผ่าตัดด้วยสาเหตุอื่น บางครั้งอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น ใจสั่น ชีพจรเต้นแรงเร็ว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร
ภาวะแทรกซ้อน ถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจะทำให้เกิดภาวะข้อพิการ นิ่วในทางเดินปัสสาวะ (พบได้ประมาณร้อยละ 25) ซึ่งอาจทำให้มีการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะแทรกซ้อนตามมาได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยโรคเกาต์มักมีโอกาสเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง และภาวะหลอดเลือดแดงแข็งมากกว่าคนปกติ และหากไม่ได้ควบคุมโรคเหล่านี้ ในที่สุดก็อาจกลายเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบและไตวายได้
ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วย
1. ควรดื่มน้ำสะอาดให้ปริมาณเพียงพอ เพื่อป้องกันนิ่วในไต
2. กรณีอ้วน ควรลดน้ำหนักลงทีละน้อย ไม่ควรลดแบบหักโหมฮวบฮาบ เพราะอาจทำให้มีการสลายตัวของเซลล์รวดเร็วเกินไปและมีการสร้างกรดยูริก ทำให้ข้ออักเสบกำเริบได้
3. ควรงดแอลกอฮอลล์ โดยเฉพาะเบียร์
4. ควรระวังอย่าให้ข้อกระดูกได้รับบาดเจ็บ
5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ไข่ปลา ปลาซาร์ดีน หอย กะปิ อาหารที่มียีสต์ และยอดผักชนิดต่างๆ
ข้อแนะนำ โรคนี้แม้จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่หากได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ก็จะป้องกันมิให้เกิดภาวะแทรกซ้อนและสามารถมีชีวิตแบบปกติสุขได้ ควรรักษาอย่างต่อเนื่อง
โรคเก๊าท์ในผู้สูงอายุ โรคเก๊าท์ หนึ่งในโรคกระดูกและข้อที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ เกิดจากการกินโปรตีนบางชนิดมากเกินไป ซึ่งโปรตีนดังกล่าวจะย่อยสลายเป็นกรดยูริคไปตกตะกอนในข้อ ทำให้ข้อหรือเนื้อเยื่อรอบๆ ข้ออักเสบเฉียบพลันการเกิดโรคเก๊าท์ผู้ป่วยมักมีระดับกรดยูริกในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะถ้าระดับกรดยูริกยิ่งสูง อุบัติการณ์การเกิดโรคจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น เกิดอาการได้เร็วยิ่งขึ้น ในเพศชายพบโรคนี้ได้บ่อยกว่าเพศหญิงประมาณ 10 เท่า แต่วัยหลังหมดประจำเดือน เพศหญิงจะพบโรคสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเพศชาย
อาการ การอักเสบ ของข้อครั้งแรกมักพบในเพศชายอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป โดยเฉลี่ย 40-60 ปี แต่ในเพศหญิงมักพบหลังวัยหมดประจำเดือนแล้ว ข้ออักเสบในระยะแรกมักเป็นเพียง 1-2 ข้อ จะมีการอักเสบรุนแรงเป็นเฉียบพลัน จากระยะเริ่มปวดจนอักเสบเต็มที่ภายใน 24 ชั่วโมง ส่วนมากจะเกิดขึ้นทีละ 1 ข้อ ข้อที่พบบ่อย ได้แก่ โคนนิ้วโป้งเท้า ข้อเท้า ข้อกลางเท้า ข้อเข่า ข้อนิ้วมือ ข้อกลางมือ ข้อมือ ข้อศอก ถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาไม่ถูกต้อง จำนวนข้อที่อักเสบจะเพิ่มขึ้น เริ่มพบที่ข้อมือ ข้อนิ้วมือ และข้อศอก การอักเสบรุนแรงขึ้น เป็นถี่ขึ้นและนานขึ้น จนกลายเป็นการอักเสบเรื้อรังไม่มีช่วงหายสนิท
"โรคเก๊าท์" ปวด เดินลำบาก
ดูแลด้วยยาบีเฮิร์บ "ตราคำไพลิน"
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
มีสั่งชื้อแบบเก็บเงินปลายทาง... 
อาการของโรคเก๊าท์ แบ่งออกเป็น 4 ระยะคือ
1. ระยะที่ไม่มีอาการ ตรวจพบกรดยูริคในเลือดสูงเท่านั้นซึ่งในเพศชายจะเริ่มมีกรดยูริคสูงตั้งแต่อายุ 14-15 ปี หรือเริ่มเป็นหนุ่ม ในเพศหญิงจะเริ่มสูงหลังจากหมดประจำเดือนแล้ว
2. ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน โดยมักเริ่มปวดบวมที่ข้อเท้าหรือหัวแม่เท้า อาการปวดข้อรุนแรงมากจนเดินไม่ได้หรือเดินลำบาก หากรับการรักษาอาการจะหายสนิทได้ภายใน 1-3 วัน หากปล่อยไว้ก็อาจหายเองได้ภายใน 4-6 วัน โดยข้ออักเสบจะหายเป็นปกติ
3. ระยะเป็นๆ หายๆ อาการข้ออักเสบจะกำเริบเป็นซ้ำที่เดิมเป็นๆหายๆ เริ่มแรกอาจกำเริบปีละ 1-2 ครั้ง ต่อมาถี่ขึ้นเป็นปีละ 4-5 ครั้ง ข้ออักเสบจะเพิ่มจำนวนขึ้นจาก 1-2 ข้อ, 3-4 ข้อ จนเป็นหลายๆข้อ เช่น ที่ข้อเท้า 2 ข้าง, เข่า ช่วงเวลาที่ข้ออักเสบจะยาวขึ้น เช่น เป็นครั้งละ 5-7 วัน, 7-10 วัน เป็นต้น
4. ระยะข้ออักเสบเรื้อรัง มักมีข้ออักเสบหลายข้อ และเป็นตลอดเวลา ไม่มีช่วงเว้นว่างหายสนิทอีกระยะนี้มักจะมีปุ่มก้อนขึ้นตามข้อต่างๆที่มีอาการอักเสบ เช่น ที่ตาตุ่มของเท้า หัวแม่เท้า ข้อศอก เข่า ข้อมือ เป็นต้น ปุ่มเหล่านี้ คือ ก้อนผลึกยูเรทที่สะสมมากขึ้นๆ บางครั้งจะแตกออกเป็นสารขาวๆ คล้ายยาสีฟันไหลออกมา หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะมีข้อพิการผิดรูปปวดทุกข์ทรมานมาก และอาจมีโรคไตวายแทรกซ้อนได้ อาการจากระยะที่ 1 จนถึงระยะที่ 4 อาจใช้เวลาหลายสิบปี แต่ในรายที่รุนแรงอาจใช้เวลาเพียง 5-10 ปี เท่านั้น และหากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้องจนเกิดภาวะไตวายแทรกซ้อนยิ่งจะทำให้เกิดโรคเก๊าท์เป็นรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย
ลดอาการ..ปวด บวม แดง ข้ออักเสบ
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
ตัวช่วยโรคเก๊าท์...
ลดอาการ..ปวด บวม แดง ข้ออักเสบ
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
ใช้วิธีนวดเพื่อบรรเทาอาการปวดได้หรือไม่?
ถ้ามีอาการปวดห้ามบีบนวดเด็ดขาด เพราะการบีบนวดจะทำให้กรดยูริกวิ่งเข้ามาในข้อเยอะมากขึ้น ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น แต่ควรจะพักการใช้งานของข้อ ให้นอนพักและประคบเย็นเท่านั้นก็เพียงพอโดยใช้น้ำแข็งประคบเมื่อมีอาการปวดตามข้อเพื่อลดอาการปวด และถ้าปวดที่เท้าให้ยกเท้าสูง เพื่อช่วยลดการอาการบวม
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ควรออกกำลังกายอย่างไร?
ช่วงที่ข้ออักเสบ ปวด บวม ไม่ควรออกกำลังกาย ควรพักผ่อนให้เพียงพอ รักษาให้ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยเริ่มออกกำลังกายทีละนิด ออกกำลังกายทั่วไปที่ไม่เน้นหนักไปที่ข้อมากจนเกินไปนัก เพราะข้อที่อักเสบบ่อยๆ จะทำให้ข้อเสื่อมได้ ช่วงปกติให้ออกกำลังกายธรรมดาตามวัย
สาเหตุชักนำที่ทำให้เกิดการอักเสบ
• เดินมาก
• มีโรคอื่นประจำตัวอยู่
• หลังผ่าตัด
• ระบบเกลือแร่และน้ำในร่างกายขาด สมดุล
• ภายหลังกล้ามเนื้อหัวใจตาย
• โรคติดเชื้อในร่างกาย
• รับประทานอาหารที่มีฟิวรินสูงเกินไป
อาหารกับโรคเก๊าท์
ผู้ป่วยโรคเก๊าท์ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีสารฟิวรีนสูง ซึ่งการที่มีฟิวรีนสูง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม
1. อาหารที่ควรงด (มีฟิวรีนสูงมาก)
• เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ / ตับอ่อน / ไส้เข่งจี้ / ม้าม / หัวใจ / สมอง / ลิ้น
• น้ำเกรวี่
• ปลาดุก / ปลาซาร์ดีนกระป่อง
• ไก่
• กุ้ง
• ผักขม / กระถิน / สะเดา / ขี้เหล็ก
• ถั่วแดง / ถั่วเขียว / ถั่วเหลือง / ถั่วดำ
2. อาหารที่ควรงด (มีฟิวรีนปานกลาง)
• เนื้อสัตว์
• ปลาทุกชนิด / อาหารทะเล
• ถั่วบางชนิด / ถั่วลิสง / ถั่วลันเตา
• ผักบางชนิด / หน่อไม้ / กะหล่ำ / เห็ด / ข้าวโอ๊ต
3. อาหารที่รับประทานได้ตามปกติ (มีฟิวรีนน้อย)
• ข้าวต่าง ๆ
• ผักต่าง ๆ
• ผลไม้ต่าง ๆ
• ไข่ / นมสด / เนย
4. แอลกอฮอร์กับโรคเก๊าท์ (เบียร์ / สุรา)
แอลกอฮอล์ทำให้การขับถ่ายกรดยูริค ทางปัสสาวะลดน้อยลง ทำให้ระดับกรดยูริคในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปวดข้อเฉียบพลันได้ แอลกอฮอล์ในเบียร์,เหล้าองุ่น,ไวท์จะมีฟิวรีนสูงมาก
สายด่วน โทร : 02-114-7654
สูตรตำรายา..มรดกตกทอด
ส่งต่อ..จากรุ่นสู่รุ่น
ถึงปัจจุบัน...รุ่นโหลน รุ่นที่ 4 
สูตรตำรา..ยาแผนโบราณ
ส่งต่อ..จากรุ่นสู่รุ่น
ยาวนาน...กว่า 400 ปี 
สมุนไพรโรคเก๊าท์..
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
ยาเก๊าท์บีเฮิร์บ "ตราคำไพลิน"
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
สายด่วน โทร : 02-114-7654 
ยาสมุนไพรบีเฮิร์บ โรคเก๊าท์ บำรุงกระดูก ชนิดเม็ด "ตราคำไพลิน" ขึ้นตำราเป็นยาแผนโบราณ ทะเบียนเลขที่ G55/54 สรรพคุณบำรุงร่างกายให้แข็งแรง คุณสมบัติพิเศษ โดยมีส่วนผสมของธัญพืชที่ให้แคลเซี่ยมโดยสกัดจากสารธรรมชาติ 100% ปลอดภัยด้วยแคลเซี่ยมแบบออแกนิค ทำให้ร่างกายดูดซึมได้ดีกว่า ยาจำพวกสารเคมีในปัจจุบัน โดยได้รับรางวัลนวัตกรรมระดับประเทศ (ตำรายายอดเยี่ยม) รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 NEO AWARD 2561 
สายด่วน โทร : 02-114-7654
โรคเก๊าท์ บำรุงกระดูก ชนิดเม็ด "ตราคำไพลิน" กัดจากสมุนไพรของไทยที่ทรงคุณค่า ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง โดยมีส่วนประกอบสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น
1. แก่นกรันเกรา เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้กระดูกแข็งแรง
2. โกฐกระดูก ขับพิษในกระดูก บำรุงกำลัง ขับเสมหะ
3. งาดำ อุดมไปด้วยแคลเซียม ป้องกันกระดูกบางกระดูกพรุน บำรุงเส้นเอ็น บำรุงผิวให้ชุ่มชื่น
4. มะขามป้อม ลดความดันโลหิต ลดไขมันในเลือด บำรุงร่างกาย
5. ลูกเดือย ทำให้ร่างกายสดชื่น บำรุงกำลัง สร้างเม็ดเลือด บรรเทาอาการมือชาเท้าสั่น
6. เพชรสังฆาต ลดอาการปวดบวม ปวดเมื่อยในข้อ
และ ส่วนผสมที่สำคัญอื่นๆอีกกว่า 30 ชนิด 
สรรพคุณ : โรคเก๊าท์ บำรุงร่างกายให้แข็งแรง ทำให้กระดูกแข็งแรง บำรุงกำลัง และอุดมไปด้วยแคลเซียม ป้องกันกระดูดพรุน บำรุงเส้นเอ็น ทำให้ร่างกายสดชื่น บำรุงกำลัง ลดอาการปวดบวม ปวดเมื่อยตามข้อ
ยาบีเฮิร์บ โรคเก๊าท์ บำรุงกระดูก ชนิดเม็ด "ตราคำไพลิน" ตำรายาแผนโบราณ รางวัลนวัตกรรมระดับประเทศ (ตำรายายอดเยี่ยม) รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 NEO AWARD 2561 
ตำรายาแผนโบราณ :
ทะเบียนยาเลข G55/54 ขนาดบรรจุ 50 เม็ด
วิธีและขนาดรับประทาน :
ครั้งละ 2 เม็ด ก่อนอาหารเช้า และ เย็น
สมุนไพรเก๊าท์ ยาบีเฮิร์บ "ตราคำไพลิน"
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
สายด่วน โทร : 02-114-7654 
จัดส่งฟรี..บริการเก็บเงินปลายทาง 
สั่งชื้อผ่านทาง Line : @kplplus (คลิกปุ่มล่าง)
มีสั่งชื้อแบบเก็บเงินปลายทาง
